คีย์เวิร์ดสำคัญคือของการทำแคมเปญ คือ ‘ความต่อเนื่อง’ การยึดแนวคิดแค่ one-and-done หรือการทำวิดีโอคลิปเดียวจบนั้น ไม่เพียงพอที่จะให้ผู้บริโภคส่วนมากมี interact หรือ engage กับแบรนด์ต่อได้ในระยะยาว และวิดีโอโฆษณาแรกที่ปล่อยออกไปก็ไม่ควรจะเป็นวิดีโอการขายเสมอไป แต่อาจเป็นการสื่อสารเริ่มบทสนทนากับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้รู้จักแบรนด์ก่อนก็ได้ โดยสามารถแบ่งเป็น 4 ขั้นตอนตามลำดับ ดังนี้
Awareness Ads
แน่นอนว่าก่อนที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับแบรนด์ หรือตัดสินใจในการซื้อสินค้าและบริการ ก็ต้องผ่านการส่งวิดีโอที่เป็นการสร้าง awareness ผ่านโซเชียลมีเดียช่องทางต่าง ๆ ก่อน เสมือนเป็นการแนะนำแบรนด์ให้กลุ่มเป้าหมายรู้จัก โดยในขั้นตอนนี้อาจจะไม่ได้มีเป้าหมายเป็นยอดการติดตาม ยอดเอนเกจเมนต์มากมาย แค่ต้องการให้คนจดจำและเข้าถึงแบรนด์มากขึ้นนั่นเอง
Consideration Ads
หลังจากที่คนเริ่มรู้จักมักคุ้นกับแบรนด์แล้ว ต่อมาจะเป็นโอกาสในการที่แบรนด์จะเริ่มสร้างส่ิงที่จุดประกายบทสนทนาขึ้นมา เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยอดผู้เข้าชม ยอดเอนเกจเมนต์ การดาวน์โหลดแอป เป็นต้น
โดยสามารถแชร์วิดีโอเกี่ยวกับการทดลองใช้ฟรี, ตัวอย่างสินค้าและบรการ, การแจกรางวัล หรือส่วนลดต่าง ๆ
Conversion Ads
กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่ง เช่น การเข้าไปชมสินค้าผ่านแอปหรือเว็บไซต์ หรือการซื้อสินค้า เป็นต้น สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้การทำ Conversion Ads ที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือการใส่ปุ่ม Call to action เพื่อให้คนสามารถเข้ามาติดตามผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น
Retention Ads
วิดีโอโฆษณาที่เอาใจลูกค้าเก่า เพราะลูกค้าก็เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ การปล่อยวิดีโอหลังการขายด้วยวิดีโอ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความประทับใจให้ลูกค้าเกิดความอยากกลับมาหาแบรนด์ซ้ำอีกครั้ง โดยจะเน้นคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุดมากที่สุด
นอกจากนั้นยังควรคอยวิเคราะห์ผลจากข้อมูลอินไซต์ต่าง ๆ เพื่อประเมินว่าวิดีโอที่ปล่อยไปได้ผลอย่างไรบ้าง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ และกลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับวิดีโอมากน้อยแค่ไหน
ที่มา: Social Media Today