เฟซบุ๊กลด Reach อีกครั้ง เจ้าของเพจ ต้องปรับตัวอะไรบ้าง ? – MarketThink
ถ้าใครเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก ตอนนี้จะเริ่มสังเกตได้ว่าแต่ละโพสต์ของเพจนั้นมี Reach ที่ลดลงอย่างน่าตกใจ
แต่เรื่องนี้ไม่ต้องตกใจ เพราะทุกเพจกำลังเจอเหมือนกันหมด
เนื่องจากเฟซบุ๊กกำลังปรับอัลกอริทึมครั้งใหญ่ โดยครั้งนี้จะส่งผลให้ผู้ติดตามของเพจ เห็นโพสต์ได้น้อยลงมาก
แล้วที่มาของเรื่องนี้เป็นอย่างไร ?
เรื่องนี้เริ่มจากเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก CEO ของ Meta บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ได้ออกมาบอกว่า เขาจะเริ่มเน้นระบบ AI ที่เฟซบุ๊กตั้งชื่อใหม่ว่า “Discovery Engine” หรือที่แปลว่า “เครื่องยนต์แห่งการสำรวจ” โดยเฟซบุ๊กจะลงทุนในระบบนี้เป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาทเลยทีเดียว
สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เฟซบุ๊กจะแนะนำโพสต์ที่ผู้ใช้งานแต่ละคนไม่ได้ติดตาม มาแทรกระหว่างฟีด โดยเฟซบุ๊กจะใช้ระบบ AI ในการทำนายว่า ผู้ใช้งานคนนั้นน่าจะชอบโพสต์เหล่านี้
ดังนั้นเมื่อเฟซบุ๊กแนะนำโพสต์ของคนอื่นมาให้ ก็จะส่งผลให้ผู้ใช้งานเห็นโพสต์ของเพจที่ติดตามอยู่น้อยลง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บางเพจที่มีผู้ติดตามหลักแสน อาจมีคนเห็นเพียงแค่หลักพัน
บางเพจที่มีผู้ติดตามหลักหมื่น ก็อาจมีคนเห็นเพียงแค่หลักร้อย
แล้วใครที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ?
นอกจากเฟซบุ๊กเองที่ได้ประโยชน์ จากการที่แต่ละเพจต้องบูสต์โพสต์กันมากขึ้น เพื่อเพิ่มการมองเห็นแล้ว
คนที่ได้ประโยชน์ก็น่าจะเป็น บุคคลหรือเพจที่สามารถทำคอนเทนต์ให้เกิดไวรัลได้ แม้ว่าบุคคลหรือเพจนั้น จะยังมีผู้ติดตามน้อยอยู่ก็ตาม
ซึ่งไม่ว่าคอนเทนต์นั้น จะเป็นข่าวที่สร้างกระแสในเชิงบวกหรือเชิงลบ ก็สามารถเป็นไวรัลได้
อย่างไรก็ตาม บุคคลหรือเพจนั้น ก็จะไม่สามารถทำให้ทุกโพสต์ สามารถเข้าถึงคนได้มากไปเสียหมด
เช่น ถ้าโพสต์ไป 100 โพสต์ เป็นไวรัลแค่โพสต์เดียว ก็จะมี Reach มากแค่โพสต์เดียว ส่วนอีก 99 โพสต์ที่เหลือ ก็จะมี Reach น้อยเช่นกัน
เรื่องนี้จะทำให้โพสต์ของแต่ละเพจ มี Reach ที่ต่างจากในอดีต ที่แต่ละโพสต์จะมี Reach เฉลี่ยเท่า ๆ กัน
มาวันนี้ โพสต์ไหนฮิตก็จะมี Reach สูงมาก
โพสต์ไหนไม่ฮิต ก็จะมี Reach ต่ำมาก ถึงแม้ว่าเพจนั้นจะมีผู้ติดตามมากก็ตาม..
ดังนั้น เจ้าของเพจจึงต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
โดยสิ่งที่น่าจะต้องทำเพื่อรับมือ ก็คือ
1. เพจต้องเน้นเนื้อหาที่จะเป็นไวรัลมากขึ้น โดยโพสต์ที่มีเนื้อหาธรรมดาก็อาจเข้าถึงคนได้น้อยมาก แต่ถ้าเน้นเนื้อหาที่เป็นไวรัลสัก 1 โพสต์ ก็จะเข้าถึงคนจำนวนมาก เพื่อมาชดเชยกันได้
2. เพจอาจต้องทำเว็บไซต์เอง หรือมองหาแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อกระจายความเสี่ยงมากขึ้น เพราะเราไม่รู้เลยว่า เฟซบุ๊กจะปรับอัลกอริทึมอะไรอีกในอนาคต..
ถ้าเพจมีช่องทางเว็บไซต์เป็นของตัวเอง หรือหาแพลตฟอร์มใหม่ที่คล้ายกับเฟซบุ๊ก เช่น Blockdit, Twitter ก็จะช่วยให้เพจมีแพลตฟอร์มสำรอง ในวันที่เฟซบุ๊กไม่เป็นมิตรกับเพจเหมือนเดิม
ทั้งนี้ ก็ต้องแลกกับการที่เราต้องเสียเวลามากขึ้น หรือเราต้องมีทีมงานในการดูแลมากขึ้น แต่ก็ยังดีกว่าการไม่หาทางรับมือกับความเสี่ยงไว้เลย..
3. เพจต้องหาโมเดล เพื่อสร้างรายได้อื่นมากขึ้น จากเดิมที่เพจใช้เฟซบุ๊กในการโปรโมตสินค้าหรือบริการของตัวเอง หรือรอให้สปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน
ในวันนี้เพจอาจต้องคิดหาช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ ๆ ทั้งที่เป็น E-Commerce ในโลกออนไลน์ หรือที่เป็นร้านค้าจริงในโลกออฟไลน์ โดยมีเพจเป็นตัวช่วยทำการตลาด เพื่อทำให้รายได้ของเพจไม่ยึดติดอยู่กับเฟซบุ๊กมากเกินไป
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการที่เฟซบุ๊กลด Reach และวิธีที่เราจะรับมือกับมัน
ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า เฟซบุ๊กจะปรับอัลกอริทึมอะไรอีก
แต่เราก็ต้องทำใจไว้ว่า เราต้องอยู่กับความไม่แน่นอนไปเรื่อย ๆ
และคนที่จะชนะในเกมนี้ก็คือ คนที่ปรับตัวได้ดีกว่าคนอื่นนั่นเอง..
ขอบคุณ MarketThink